หลังจากวันนี้ได้มีการแชร์ภาพและข้อมูลอย่างมาก กรณีที่มีการแชร์ขุดค้นพบเจดีย์กลางแม่น้ำโขงในตลอดทั้งวันนั้น
ผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท จึงได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องนี้ที่จริงแล้ว เกิดขึ้นย้อนอดีตไป 5 ปีก่อน สร้างความฮือฮาให้กับลูกหลานจนมาถึงปัจจุบัน
โดยมีเรื่องราวดังนี้ พร้อมกับคลิปเหตุการณ์
ในที่สุดก็ขุดค้นเจอ..เจดีย์ขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง
ผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท จึงได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องนี้ที่จริงแล้ว เกิดขึ้นย้อนอดีตไป 5 ปีก่อน สร้างความฮือฮาให้กับลูกหลานจนมาถึงปัจจุบัน
โดยมีเรื่องราวดังนี้ พร้อมกับคลิปเหตุการณ์
ในที่สุดก็ขุดค้นเจอ..เจดีย์ขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง
ระหว่างเมืองเชียงแสนฝั่งไทยกับเมืองต้นผึ้งฝั่งลาว
หลังจากเป็นเรื่องเล่ามายาวนานว่ากลางลำน้ำโขง
มีวัด พระพุทธรูป เจดีย์และวิหารจมน้ำ
หลังจากวันนี้ได้มีการแชร์ภาพและข้อมูลอย่างมาก กรณีที่มีการแชร์ขุดค้นพบเจดีย์กลางแม่น้ำโขงในตลอดทั้งวันนั้น
ผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท จึงได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องนี้ที่จริงแล้ว เกิดขึ้นย้อนอดีตไป 5 ปีก่อน สร้างความฮือฮาให้กับลูกหลานจนมาถึงปัจจุบัน
โดยมีเรื่องราวดังนี้ พร้อมกับคลิปเหตุการณ์
ในที่สุดก็ขุดค้นเจอ..เจดีย์ขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง
ผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท จึงได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องนี้ที่จริงแล้ว เกิดขึ้นย้อนอดีตไป 5 ปีก่อน สร้างความฮือฮาให้กับลูกหลานจนมาถึงปัจจุบัน
โดยมีเรื่องราวดังนี้ พร้อมกับคลิปเหตุการณ์
ในที่สุดก็ขุดค้นเจอ..เจดีย์ขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง
ระหว่างเมืองเชียงแสนฝั่งไทยกับเมืองต้นผึ้งฝั่งลาว
หลังจากเป็นเรื่องเล่ามายาวนานว่ากลางลำน้ำโขง
มีวัด พระพุทธรูป เจดีย์และวิหารจมน้ำ
รายงานข่าวเมื่อปี 2553 จาก จ.เชียงราย แจ้งว่า
หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเหือดแห้งลงอย่างหนักในรอบชั่วอายุคนนั้น
ปรากฎว่าในฝั่ง สปป.ลาว บริเวณเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงกันข้าม
ต.เวียง อ.เชียงแสน
ซึ่งมีการใช้รถแบคโฮขุดตักทรายนำไปก่อสร้างโครงการของกลุ่มทุนจีน
ได้พบเจดีย์ทรงโบราณฝังอยู่กลางเกาะทรายที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา
ทำให้ชาวบ้านเมืองต้นผึ้งที่อยู่ข้างเคียงต่างตื่นตกใจ
พากันไปดูเจดีย์โบราณเป็นจำนวนมาก
โดยทุกคนต่างพากันกราบไหว้บูชาเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สำหรับโครงสร้างยอดเจดีย์ เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน สูงประมาณ
3-4 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางที่กว้างสุดประมาณ 2-3 เมตร
โดยมีการวางอิฐโบราณก้อนใหญ่เป็นชั้นๆ
อย่างเป็นระเบียบและสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
รวมทั้งบางส่วนโดยเฉพาะส่วนกลางยังมีปูนให้เห็นอยู่
ส่วนรูปทรงเป็นทรงระฆังคว่ำ ส่วนกลางมาจนถึงเกือบถึงยอด
เป็นชั้นสลับด้วยฐานอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังพบต้นตะเคียน 1
ต้นและพระพุทธรูปขนาดเล็กอีกจำนวนหนึ่งด้วย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าหลังจากขุดพบทางชาวบ้านที่เมืองต้นผึ้งนำโดยพระอาจารย์
คำเงิน ธมฺมปาโล เจ้าคณะแขวงบ่อแก้ว ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอยแดง
เมืองต้นผึ้ง
ได้ขอให้รถแบคโฮและชาวบ้านนำวัตถุที่พบทั้งหมดไปเก็บเอาไว้ที่วัดดอนสะหวัน
พัฒนาราม เมืองต้นผึ้ง ก่อนจะมีการปรึกษาหารือกันอีกครั้งว่า
จะมีพิธีทางศาสนาอื่นๆ หรือไม่อย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ บริเวณชายแดนไทย-สปป.ลาว
ดังกล่าวมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาณาจักรโบราณตั้งแต่อาณาจักรสุวรรณ
โคมคำซึ่งมีอายุกว่า 500-1,000 ปีมาแล้ว จนมาถึงอาณาจักรโยนกนาคพันธุ์
อาณาจักรหิรัญนครเงินยาง และเมืองเชียงแสนในยุคอาณาจักรล้านนา
ในอดีตอยู่ในเขตอิทธิพลของผู้ปกครองเดียวกันและมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ในฝั่ง
เดียวกัน แต่เมื่อแม่น้ำโขงกัดเซาะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้โบราณสถานทั้งวัด
บ้านเรือน ฯลฯ พังทลายลงกลางแม่น้ำโขงจนกลายเป็นตำนานโด่งดัง
โดยเฉพาะพระเจ้าล้านตื้อ
ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพระประธานขนาดใหญ่ที่ยังฝังอยู่กลางแม่น้ำโขง
แม้แต่กำแพงเมืองเชียงแสนทั้งสองด้านก็หายไปกลางแม่น้ำโขงด้วย
นายบุญส่ง เชื้อเจ็ดตน ประธานสภาวัฒนธรรม อ.เชียงแสน
กล่าวว่า
เดิมด้านเชียงแสนมีเกาะอยู่กลางแม่น้ำเรียกกันว่าเกาะดอนแท่นบ้างหรือเกาะ
ดอนแห้งบ้าง
ซึ่งในอดีตปู่ย่าตายายหรือบิดามารดาของตนก็เคยเอ่ยถึงการไปทำการเกษตรบนเกาะ
ดอนแห้ง รวมทั้งมีการเล่าถึงวัดโบราณกลางแม่น้ำโขงด้วย
ดังนั้นกลางแม่น้ำจึงมีโบราณสถานและโบราณวัตถุอยู่เพื่อรอการค้นหาแน่นอน
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ คำภิโล หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี
จ.เชียงราย กล่าวว่า ปีนี้น้ำโขงแห้งเร็วกว่าทุกปีและมีระดับความลึกประมาณ
1 เมตรเท่านั้น ในขณะที่ความลึกที่เรือสินค้าสามารถแล่นไปมาได้คือประมาณ
1.80 เมตรขึ้นไป จึงทำให้เรือสินค้าไม่ค่อยแล่นกัน เพราะเกรงจะเกยตื้น
ส่วนสาเหตุก็อาจเป็นไปได้ว่าอาจจะหยุดยาวช่วงตรุษจีนก็เป็นได้
สำหรับการใช้รถแบคโฮขุดกลางแม่น้ำโขงนั้น ทางจังหวัด และ
ขน.เคยทำหนังสือไปยังทาง สปป.ลาว
เพื่อให้ยุติแล้วเพราะเกรงจะเกิดผลกระทบในฝั่งไทย
นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา
ผู้ประสานงานเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา
กล่าวว่าปีนี้ถือว่าแม่น้ำโขงแห้งมากที่สุดในรอบชั่วอายุคนเพราะจากการสอบ
ถามผู้เฒ่าผู้แก่ไม่เคยมีใครเคยเห็นวิกฤตน้ำแห้งมากเท่านี้มาก่อน
ปัญหาน่าจะเกิดจากการสร้างเขื่อนในประเทศจีนนั่นเอง
http://www.siamupdate.com/news-179837
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น